ความสัมพันธ์ที่สมบูรณ์แบบ

โดยทั่วไปเมื่อค่าความสัมพันธ์ถูกคำนวณทางสถิติเป็น +1 จะหมายความว่าสินทรัพย์สองอย่างมีความสัมพันธ์ที่สมบูรณ์แบบ ความสัมพันธ์ที่สมบูรณ์แบบในทางลบคือ -1 ซึ่งหมายความว่าสินทรัพย์สองอย่างเคลื่อนที่ในทิศทางตรงกันข้าม ค่าความสัมพันธ์เป็นศูนย์หมายความว่าทิศทางของสินทรัพย์หนึ่งไม่มีความสอดคล้องกับอีกสินทรัพย์หนึ่ง ในทางปฏิบัติอุตสาหกรรมการเงินไม่มีสินทรัพย์ไหนที่มีความสัมพันธ์สมบูรณ์แบบ เพราะไม่มีสินทรัพย์ที่เหมือนกันอย่างสมบูรณ์ แต่เราสามารถใช้ค่าความสัมพันธ์ที่สูงระหว่างสินทรัพย์สองอย่างเพื่อคาดการณ์ว่าสินทรัพย์หนึ่งจะเคลื่อนที่ในทิศทางที่คล้ายคลึงกับอีกสินทรัพย์หนึ่งไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนที่ในลักษณะเดียวกันหรือตรงข้ามก็ตาม เนื่องจากสินทรัพย์การเงินทั้งหมดได้รับผลกระทบจากข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดและแนวโน้มอื่น ๆ ค่าความสัมพันธ์จึงกลายเป็นวิธีการที่รวดเร็วและประหยัดต้นทุนในการหลีกเลี่ยงการวิเคราะห์ที่ใช้เวลานาน ค่าความสัมพันธ์ช่วยให้ นักวิเคราะห์และผู้ซื้อขายสามารถสรุปได้อย่างรวดเร็ว

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ข้ามตลาด

ในความคิดเห็นเกี่ยวกับฟอเร็กซ์ เรื่องของความสัมพันธ์ข้ามตลาดมักพบมากกว่าหัวข้ออื่น ๆ ตัวอย่างที่น่าทึ่งที่สุดคือความสัมพันธ์ระหว่าง EUR/USD กับราคาน้ำมัน ซึ่งไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่เกี่ยวข้อง ค่าความสัมพันธ์ระหว่าง WTI น้ำมัน (คำสั่งซื้อที่ต่อเนื่องของ Reuters) กับยูโรนั้นสูงมากในช่วงเวลาส่วนใหญ่ อย่างน้อยก็ในประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ ความสัมพันธ์ของพวกเขาชัดเจน: น้ำมัน (สีดำ) กับ EUR/USD (สีเขียวและสีส้ม) เมื่อมองในกราฟรายเดือน ปัญหาความสัมพันธ์ไม่ได้อยู่ที่ความสัมพันธ์ แต่เป็นการพูดคุยเกี่ยวกับมันอย่างซ้ำซาก เมื่อนักวิเคราะห์น้ำมันไม่สามารถอธิบายแนวโน้มราคาน้ำมันได้ พวกเขาก็มักจะกล่าวว่า "ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นเพราะดอลลาร์ลดลง" เมื่อนักวิเคราะห์ฟอเร็กซ์ไม่สามารถอธิบายสาเหตุเฉพาะที่ทำให้ดอลลาร์เพิ่มขึ้น พวกเขาก็มักจะกล่าวว่า "ดอลลาร์เพิ่มขึ้นเพราะราคาน้ำมันลดลง" วงจรการคิดนี้สร้างความหงุดหงิดไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากมันละเลยสาเหตุที่แท้จริงและยั่งยืนของการเปลี่ยนแปลงราคาน้ำมัน — ปัจจัยด้านอุปทานและอุปสงค์ และสาเหตุที่แท้จริงของการเปลี่ยนแปลงราคา EUR/USD เช่น นโยบายของธนาคารกลาง บางครั้งการกล่าวเช่นนี้อาจเป็นเรื่องจริง — ผู้ค้าในฟอเร็กซ์สนใจอย่างมากกับน้ำมัน — แต่สาเหตุที่แท้จริงของค่าความสัมพันธ์ที่สูงขึ้นนั้นมาจากการที่น้ำมันและดอลลาร์ถูกส่งผลกระทบจากหลายปัจจัยในระดับที่คล้ายกัน แค่ทิศทางของผลกระทบกลับตรงกันข้าม

ความสัมพันธ์ในตลาด

ตัวอย่างที่ดีคือการตระหนักถึงวิกฤตการเงินในปี 2008 ในกราฟข้างต้นคุณอาจพบว่าค่าความสัมพันธ์นั้นมีค่าเป็นลบในช่วงเวลาส่วนใหญ่ของปี 2008 คุณสามารถเห็นน้ำมันและยูโรเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้ามได้บ่อย ๆ กราฟด้านล่างแสดงข้อมูลรายวันเดียวกัน เส้นสีน้ำเงินคือเส้นการถดถอยเชิงเส้นของราคาน้ำมัน เส้นสีแดงคือเส้นการถดถอยเชิงเส้นของ EUR/USD ทั้งสองแสดงถึงแนวโน้มที่แท้จริง หลังจากช่วงเวลานี้แม้ว่าสินทรัพย์ทั้งสองจะเคลื่อนไหวพร้อมกัน ค่าความสัมพันธ์ยังคงต่ำกว่าศูนย์ น้ำมัน (สีดำ) กับ EUR/USD (สีเขียวและสีส้ม) ในกราฟรายวันแสดงความสัมพันธ์เชิงลบ เส้นสีน้ำเงินคือเส้นการถดถอยเชิงเส้นของน้ำมัน เส้นสีแดงคือเส้นการถดถอยเชิงเส้นของ EUR/USD บทเรียนที่นี่คือค่าความสัมพันธ์ที่สูงในระยะยาวไม่ได้ใช้ได้กับช่วงเวลาสั้นๆ ค่าความสัมพันธ์ที่สัมพันธ์กับผู้ค้าฟอเร็กซ์ยูโรจึงควรนำมาใช้กับกรอบเวลา 15 นาที, 1 ชั่วโมง หรือ รายวัน

การแยกตัว

ต่อไปคือเรื่องราวเกี่ยวกับการ "แยกตัว" ในปัจจุบัน สหรัฐอเมริกากำลังจะกลายเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติอย่างสำคัญ ซึ่งจะลดการพึ่งพาน้ำมันจากต่างประเทศ และจะกลายเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันอันดับสองของโลกต่อจากซาอุดิอาระเบีย เมื่อพิจารณาว่าสหรัฐอเมริกามีการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในทุก ๆ เดือน คำถามคือทฤษฎีความสัมพันธ์นี้ยังมีอยู่ไหม? อาจเป็นไปได้ว่ามันยังคงอยู่ แม้ว่าการเติบโตของ GDP 1-2% จะดึงดูดความสนใจจากผู้ค้าแลกเปลี่ยนเงินตรา แต่ข้อได้เปรียบหลักของการจัดการพลังงานในประเทศคือการปรับปรุงดุลการค้าของสหรัฐอเมริกา ไม่ได้ทำให้ตลาดฟอเร็กซ์ในปัจจุบันเคลื่อนไหว มูลค่าพลังงานไม่ได้ถูกนับรวมใน CPI หลัก ดังนั้นเราจึงไม่สามารถคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของมันได้ แม้ว่าสหรัฐอเมริกาจะมีการผลิตน้ำมัน หากมีการนำมาตรการห้ามส่งออกมาใช้ ในความเป็นจริง สหรัฐอเมริกาจะไม่ต้องการให้ราคาน้ำมันลดลงซึ่งมากกว่าประเทศอื่นๆ ในโลก คุณอาจสงสัยว่า “การแยกตัวคืออะไร?” เรามีกรณีที่ชัดเจนที่จะอธิบายความสัมพันธ์ข้ามตลาดและความสัมพันธ์เชิงสาเหตุ ยกตัวอย่างช่วงราคาน้ำมันตกต่ำในปี 2014-2015 เมื่อราคาน้ำมันลดลง สกุลเงินของนอร์เวย์ก็ลดลงด้วย โปรดดูกราฟด้านล่าง น้ำมันถูกระบุด้วยสีดำ และอัตราแลกเปลี่ยน NOK/EUR แสดงด้วยแท่งเทียนสีเขียวและสีส้ม ความสัมพันธ์ระหว่างน้ำมัน/NOK แสดงให้เห็นว่าน้ำมันมีส่วนแบ่งที่สำคัญในเรื่องการส่งออกของนอร์เวย์ ราคาน้ำมันลดลงหมายความว่าการไหลของเงินตราต่างประเทศเข้าสู่นอร์เวย์น้อยลง ส่งผลให้อัตราแลกเปลี่ยนลดลง

ความสัมพันธ์และการวิเคราะห์

ความสัมพันธ์นี้สร้างปัญหามากมาย เราต้องระวังไม่ให้ความสัมพันธ์ของกรณีนอร์เวย์นี้ถูกโยงไปยังความสัมพันธ์ระหว่างสกุลเงินหลักกับสินค้าออก สิ่งที่ต้องตระหนักคือโครนแห่งนอร์เวย์ไม่ได้เป็นสกุลเงินหลัก และขนาดของเศรษฐกิจนอร์เวย์ไม่นับว่าใหญ่ในระดับสากล และตลาดขนาดใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงแนวโน้มแบบสัมพันธ์กันนั้นได้ เช่นหลังปี 1973 ค่าความสัมพันธ์ระหว่างน้ำมันกับตลาดหุ้นสหรัฐมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ -0.003 เมื่อราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น ตลาดหุ้นสหรัฐจะลดลง แต่เมื่อใช้ค่าความสัมพันธ์ที่เล็กมากนี้สำหรับวัตถุประสงค์จริง เราควรมองว่ามันเท่ากับศูนย์ กรณีนี้แตกต่างจากกรณีน้ำมันและยูโรค่าความสัมพันธ์ในระยะสั้นมีค่าสูง แต่ในระยะยาวกลับไม่ใช่ ตัวอย่างอีกกรณีหนึ่งคือดัชนีดอลลาร์ที่ได้รับการถ่วงน้ำหนักการค้าของสหรัฐฯ กับดัชนี S&P 500 หลังปี 1967 ค่าความสัมพันธ์เฉลี่ยคือ -0.093 หมายความว่าดอลลาร์ที่แข็งค่าจะส่งผลเสียต่อตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา อาจเป็นเพราะมันยับยั้งการส่งออก — แต่ค่าที่เล็กมากก็ไม่มีค่าสถิติเลย อาจจะ ถ้าข้อมูลเป็นข้อมูลรายวันแทนที่จะเป็นรายเดือน หรือไม่ก็ข้อมูลที่คำนวณในระยะเวลาสั้นออกมา เราอาจจะได้ค่าความสัมพันธ์ที่สูงขึ้น — แต่ก็ขัดแย้งกับจุดประสงค์ของค่าความสัมพันธ์ที่ใช้ทั่วโลก

การตรวจสอบข้อมูล

ถ้าคุณเป็นคนที่หลงใหลในข้อมูล คุณสามารถใช้ Excel หรือซอฟต์แวร์ที่คล้ายกันเพื่อทำการทดลองความสัมพันธ์ได้ง่าย ๆ อย่างไรก็ตาม คุณยังควรทำขั้นตอนถัดไป คือการได้รับค่าคำนวณ R-squared สำหรับค่าความสัมพันธ์ของคุณ การสร้างค่าคำนวณ R-squared (คือการยกเลิกค่าเป็นกำลังสอง) สามารถบอกคุณได้ว่า ตัวแปรแรกมีอิทธิพลต่อระดับของตัวแปรที่สองอย่างไร ในกรณีของ S&P และดัชนีดอลลาร์ ค่าความสัมพันธ์ R-squared จะอยู่ที่ 0.0086 ซึ่งหมายความว่าแนวโน้มของตลาดหุ้นสหรัฐไม่สามารถอธิบายได้จากแนวโน้มของดอลลาร์ นี่ไม่ใช่การบอกว่าวันที่บางวันมีแนวโน้มที่มีความสัมพันธ์โดยตรง เช่น ในช่วงปลายปี 2008 ตอนที่วิกฤตการเงินของสหรัฐถึงจุดสูงสุด มูลค่าดอลลาร์และดัชนี S&P 500 ลดลงพร้อมกัน เกิดขัดแย้งกับความคิดเห็นที่ว่า “ดอลลาร์กับดัชนี S&P มีความสัมพันธ์แบบตรงข้าม” เพราะมันชัดเจนว่าตลอดช่วงเวลานั้น มีการลดลงอย่างพร้อมกัน แต่กรณีนี้แสดงให้เห็นว่าบริบทยังคงมีความสำคัญสูง

บทสรุป

คุณสามารถใช้เวลาไปกับการหาค่าความสัมพันธ์มากมาย และคนจำนวนมากก็ทำแบบนั้น เรามักจะเห็นบทความมากมายที่อ้างถึงว่านักเขียนค้นพบความสัมพันธ์ที่ยอดเยี่ยม ไม่เคยมีมาก่อน เช่น ระหว่างถั่วเหลืองกับอะลูมิเนียม หรือสิ่งแปลกประหลาดอื่น ๆ (เกือบจะไม่น่าเชื่อถือเลย) ความเข้าใจผิดในเรื่องความสัมพันธ์ได้รับการเน้นย้ำ แต่ถึงแม้ว่าตลาดจะทำผิด แต่การเข้าใจความสัมพันธ์ที่ตลาดฟอเร็กซ์เชื่อมั่นก็ยังมีประโยชน์ ตลาดฟอเร็กซ์มักจเชื่อว่า หากราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น ดอลลาร์จะต้องลดลง นอกจากนี้ มันเชื่อมโยงว่า EUR กับดัชนี S&P 500 มีความสัมพันธ์เชิงบวก ไม่ว่าคุณจะให้ข้อมูลเท่าไหร่กับพวกเขา สถานะตลาดประเภทนี้ยังคงยากที่จะทำให้หมดไป