การขึ้นดอกเบี้ยของเฟด

พูดตรงๆ ว่า การขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐอเมริกา นอกจากที่จะทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นแล้ว ยังส่งผลเสียต่อสินทรัพย์อื่น ๆ ด้วย ถามว่าสิ่งนี้จะมีผลกระทบต่อจีนมากน้อยเพียงใด?

ผลกระทบด้านแรก: การไหลออกของเงินทุน

หากค่าเงินหยวนยังคงมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง และไม่สามารถหยุดการตกต่ำได้ในระยะสั้น การไหลออกของเงินทุนถือเป็นเหตุการณ์ที่มีความเป็นไปได้สูง อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจที่แท้จริงของจีนในปัจจุบันต้องการเงินทุนจากต่างประเทศอย่างมาก และโครงการ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ก็ต้องใช้ค่าใช้จ่ายจำนวนมาก สถานการณ์เช่นนี้อาจส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อเศรษฐกิจของจีน

ผลกระทบด้านที่สอง: เพิ่มความกดดันต่อการลดค่าเงินหยวน

จีนมีทุนสำรองระหว่างประเทศที่ดีที่สุดในโลก แต่ ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2015 ทุนสำรองระหว่างประเทศของจีนอยู่ที่ 3.438 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 87.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐจากเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2013 ขณะนี้จีนกำลังเจอวิกฤตที่รุนแรงมากกว่าวิกฤตการเงินปี 2008 จีนจึงได้คาดการณ์ถึงสถานการณ์เช่นนี้ไว้แล้ว ในขณะที่ตลาดหุ้นลดลงอย่างรวดเร็ว จีนยังคงยืนยันที่จะให้เงินหยวนมีการตลาด ที่สำคัญคือการทำให้เงินหยวนเข้าร่วม SDR ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อรักษาความเชื่อมั่นของโลกต่อเงินหยวน

ผลกระทบด้านที่สาม: วิกฤติอสังหาริมทรัพย์

แม้ว่าเศรษฐกิจที่แท้จริงจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง แต่ปัจจุบันอันตรายที่ใหญ่ที่สุดในเศรษฐกิจจีนยังคงเป็นฟองสบู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ล่าสุดรัฐบาลได้พยายามหลายวิธีในการแก้ไขวิกฤติในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งรวมถึงการปรับนโยบายสินเชื่อบ้าน การปรับนโยบายกองทุนเงินสะสม และการจัดการกับสต๊อกอสังหาริมทรัพย์… ดูจาก "ทศวรรษที่หายไป" ของญี่ปุ่น หรือวิกฤติการจำนองในสหรัฐฯ ก็ล้วนเกี่ยวข้องกับฟองสบู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์

ผลกระทบด้านที่สี่: ผลกระทบต่อหุ้น

จากผลกระทบด้านแรกถึงด้านที่สาม ผลกระทบต่อหุ้นถือว่าน้อยที่สุด ผลกระทบหลักก็คือการไหลออกของเงินทุนที่เกิดจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากตลาดหุ้นจีนพึ่งพากำลังซื้อ (เงินทุน) หากมีเงินทุนมาก ตลาดหุ้นก็จะมีแนวโน้มที่จะขึ้น