1. ความลังเลของนักลงทุน

นักลงทุนที่มีความลังเล ซึ่งนำไปสู่การติดกับดักในแนวลึกที่ขาดทุนมากเกินไป ไม่ควรตัดขาดทุน เนื่องจากในเวลานี้การตัดขาดทุนถือว่าช้าเกินไป และไม่สามารถเรียกคืนความเสียหายได้มากนัก แต่อาจกระทบต่อจิตใจในการลงทุนอย่างรุนแรง.

2. เมื่อถูกกดดันจากหุ้นของเจ้ามือ

สำหรับหุ้นที่ถูกเจ้ามือล้าง ให้นักลงทุนไม่ควรตัดขาดทุน เพราะเจ้ามือมักจะใช้วิธีล้างหุ้นก่อนที่จะดึงหุ้นขึ้นไป เพื่อทำให้การดึงหุ้นในอนาคตง่ายขึ้น นักลงทุนควรมีความมั่นใจและไม่ควรตัดขาดทุนตามอำเภอใจ.

3. การปรับตัวทางเทคนิคในแนวโน้มขาขึ้น

ในช่วงเวลาที่มีการปรับตัวทางเทคนิคในแนวโน้มขาขึ้น ไม่ควรตัดขาดทุน ตราบใดที่แนวโน้มรวมของตลาดยังไม่อ่อนแอ นักลงทุนสามารถถือหุ้นในระยะกลางและใช้กลยุทธ์การขายซื้อตามแนวโน้มสั้น.

4. ใกล้เขตต่ำสำคัญ

เมื่อใกล้เขตต่ำที่สำคัญ ไม่ควรตัดขาดทุน ปกติแล้วดัชนีในเขตต่ำจะไม่มีกำลังในการลดลง แต่บางครั้งตลาดยังอาจมีการตกลงอย่างไม่มีปริมาณ นักลงทุนควรมีความมั่นใจในการถือหุ้น.

5. พื้นที่ลดลงของหุ้นมีขีดจำกัด

เมื่อราคาหุ้นลดลงหลังจากการปรับตัวในระยะยาวและมีการดิ่งลงอย่างหนัก นักลงทุนไม่ควรที่จะขายหุ้นเพราะพื้นที่ในการลดลงนั้นมีขีดจำกัด และควรพิจารณาวิธีการซื้อหุ้นให้มากขึ้น.

6. ดัชนีถูกขายมากเกินไป

เมื่อตลาดดัชนีถูกขายมากเกินไป นักลงทุนไม่ควรตัดขาดทุน เนื่องจากสัญญาณที่ถูกขายมากเกินไปในดัชนีมักจะมีความน่าเชื่อถือมากกว่าหุ้นแต่ละตัว และควรตรวจสอบดัชนีทางพิเศษเพื่อยืนยันการขาย.

7. ช่วงสุดท้ายของตลาดหมี

เมื่อถึงช่วงสุดท้ายของตลาดหมีและมีการลดลงของปริมาณการซื้อขาย นักลงทุนไม่ควรตัดขาดทุน เพราะการหดตัวในปริมาณเป็นสัญญาณว่ากำลังการลดลงหมดไป.

8. เมื่อมีการขายออกจากความตื่นตระหนก

เมื่อเกิดการขายออกจากความตื่นตระหนก นักลงทุนไม่ควรตัดขาดทุน เพราะการขายอย่างตื่นตระหนกมักจะเป็นสัญญาณว่า ราคาหุ้นถึงจุดต่ำที่สุดในช่วงนั้น.

9. ราคาหุ้นใกล้ที่สำคัญในอดีต

เมื่อราคาหุ้นใกล้ถึงบริเวณที่สำคัญในอดีต ควรที่จะดูสถานการณ์ แต่ไม่ควรรีบที่จะซื้อหรือลงทุน ควรรอการยืนยันสุดท้ายจากแนวโน้มก่อนที่จะดำเนินการเพิ่มเติม.

10. ราคาหุ้นเบี่ยงเบนจากมูลค่า

เมื่อราคาหุ้นเบี่ยงเบนจากมูลค่าสูงมากในตลาดหมี นักลงทุนควรมีความอดทนในการถือหุ้นในระยะยาว และไม่ควรตัดขาดทุนอย่างไม่เลือกหน้าระหว่างการลดลง.

11. หุ้นที่มั่นคงหลังขึ้นลง

เมื่อราคาหุ้นอยู่ในระดับที่มั่นคง และมีการจับตามองจากกองทุนหลักในตลาด นักลงทุนไม่ควรตัดขาดทุน เนื่องจากมีเงินทุนเพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่อง.

12. วิเคราะห์อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน

เมื่อตรวจสอบความเสี่ยงต่อผลตอบแทน หากในกรณีที่ราคาปัจจุบันซื้อหุ้นนั้นความเสี่ยงสูงกว่าผลตอบแทน ควรจะตัดขาดทุนอย่างชัดเจน แต่ถ้าผลตอบแทนสูงกว่าความเสี่ยง ควรที่จะไม่ตัดขาดทุน.